ในชีวิตการมีครอบครัวนั้น การเลือกคู่ครองมีความสำคัญมาก เพราะคู่สมรสที่ดีเท่านั้นจะช่วยให้คนทั้งสองครองชีวิตคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ในการเลือกคู่ครองโดยทั่ว ๆ ไปบุคคลจะมีความสนใจต่อเพศตรงข้าม โดยจะมองหาคุณสมบัติในผู้ที่ตนจะเลือกมาเป็นคู่ครองซึ่งส่วนมากบิดา - มารดา จะเป็นแบบอย่างของชายและหญิงที่บุคคลได้ใกล้ชิดและเลียนแบบ นอกจากนั้นค่านิยมในการเลือกคู่ครองยังได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมในสังคมอีกด้วย เช่น ค่านิยมในรูปร่างหน้าตางดงาม ความมีฐานะมั่นคงความรู้ความสามารถ สำหรับฝ่ายชายมักจะเลือกคู่สมรสที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาดี เป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่ในปัจจุบันสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป หญิงอาจจะไม่ได้ทำหน้าที่แม่บ้านได้เต็มที่นัก
เพราะต้องทำมาหากินช่วยหารายได้ ฝ่ายชายก็ควรมีบทบาทช่วยเหลือแบ่งเบาภาระภายในบ้านเช่นกันสำหรับฝ่ายหญิงส่วนมากเลือกคู่ครองผู้ชายที่มีความรับผิดชอบมีการงานมั่นคง มีรายได้เลี้ยงครอบครัว และมีลักษณะเป็นผู้นำ สามารถให้ความปกป้องคุ้มครองและเป็นที่พึ่งของครอบครัวได้ จะรู้จักตนเอง และความต้องการของตนเองตลอดจนความคาดหวังอย่างสมเหตุสมผล ในผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองในปัจจุบันการให้ผู้ใหญ่จัดหาคู่ครองให้มีน้อยมากอาจยังมีอยู่บ้างในสังคมชนบท ส่วนในสังคมเมืองที่ชายหญิงมีการศึกษาและมีอาชีพ ทำให้มีโอกาสพบปะกันมากขึ้นจึงนิยมเลือกคู่ครองด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามการเห็นชอบและการสนับสนุนของบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ก็ยังเป็นที่ต้องการของหนุ่มสาวส่วนมาก แม้ว่าหนุ่มสาวจะมีอิสระมากกว่าสมัยก่อนก็ตาม แต่ก็ยังมีความเคารพนับถือและมีความผูกพันกับครอบครัวอยู่ การยอมรับของครอบครัวย่อมช่วยให้ความสัมพันธ์ของคู่สมรสกับญาติทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยดี อันเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิตของครอบครัวไทย
ผู้ที่มีพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่เหมาะสม จะใช้เหตุผลในการเลือกคู่ครองมากกว่าการใช้อารมณ์
ชายหญิงควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ในการเลือกคู่ครอง ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้การครองชีวิตสมรสเป็นไปอย่างราบรื่น
1. ควรมีอายุใกล้เคียงกัน ไม่ควรต่างกันเกิน 10 ปี โดยทั่วไปชายควรมีอายุมากกว่าหญิง และมี
อาชีพและรวยได้พอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้
2. มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และมีบุคลิกภาพที่เข้ากันได้ มีทั้งส่วนที่เหมือนกันและต่างกันซึ่งไม่
ทำให้เกิดความขัดแย้งมากเกินไปรู้จักประนีประนอมยืดหยุ่นได้
3. มีความใกล้เคียงกัน หรือไม่แตกต่างกันมากในเรื่องของอายุ การศึกษา ภูมิหลัง คุณธรรม
ความสนใจ วัฒนธรรมประเพณี สภาพเศรษฐกิจและรสนิยมทางเพศ
4. มีความรักใคร่ผูกพัน มีความปรารถนาดีต่อกัน นับถือและยอมรับในรสนิยมและบุคลิกภาพและ
ความบกพร่องซึ่งกันและกัน
5. ไม่ควรหวังว่าอีกฝ่ายจะแก้ไขข้อบกพร่องของเขาได้ภายหลังแต่งงาน แต่ควรพิจารณาดูว่า
ตนเองจะมีบทบาทและให้คามช่วยเหลือผู้อยู่ร่วมกันได้เพียงไร
6. คำนึงไว้เสมอว่า ยังมีส่วนของบุคลิกภาพของผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองที่ยังไม่แสดงออกมา
ชัดเจน จนกว่าจะได้มาอยู่ร่วมกัน
7. คู่สมรสบางรายอาจจะมีโอกาสน้อยที่จะทราบคุณสมบัติ หรือรู้จักผู้ที่จะเป็นคู่ครอง แต่หาก
ชายหญิงมีวุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่พอสมควรก็สามารถจะเรียนรู้และสามารถปรับตัวให้เข้า
กับสถานการณ์ได้ แต่การได้มีโอกาสรู้จักกันและเข้าใจกันก่อนการสมรสจะช่วยในการตัดสิน
ใจและการปรับตัวได้ง่ายกว่า
หลักทั่วไปในการเลือกคู่ครอง
ในการเลือกคู่ครอง นอกจากจะพิจารณาพื้นฐานด้านความรักที่ชายและหญิงมีให้แก่กันและกันแล้ว ควรพิจารณาองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย ดังนี้
1. เชื้อชาติ โดยทั่วไปคนเชื้อชาติเดียวกันย่อมมีภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่เหมือนกัน คู่ครองที่มีเชื้อชาติเดียวกันจึงมักจะเข้าใจกันได้ง่าย ถ้าหากเป็นคนละเชื้อชาติก็อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งไม่เข้าใจกัน และอาจเกิดปัญหาการอพยพหรือย้ายกลับภูมิลำเนากับคู่สมรส ทำให้ชีวิตคู่ต้องแยกหรือพลัดพรากจากกันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม คู่สมรสที่มีเชื้อชาติต่างกันก็ไม่ใช่ว่าชีวิตสมรสจะล้มเหลวเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่การปรับตัวของคู่สมรส ถ้าได้ใช้ความพยายามอย่างแท้จริงในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขได้
2. ศาสนา เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ศาสนาทุกศาสนามีจุดมุ่งหมายในการ อบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี ละเว้นความชั่ว ส่วนหลักการและพิธีกรรมต่างๆ ของแต่ละศาสนาย่อมมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ถ้าหากคู่สมรสนับถือศาสนาเดียวกัน ความเชื่อถือศรัทธาและการปฏิบัติตนตามพิธีกรรมทางศาสนาก็จะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่หากนับถือศาสนาต่างกันก็อาจจะมีปัญหากระทบต่อการดำเนินชีวิต เช่น คนหนึ่งจะไปวัดอีกคนไปโบสถ์ หรือเกิดปัญหาข้อขัดแย้งว่าจะให้บุตรที่เกิดมานับถือศาสนาอะไร เป็นต้น การตัดสินใจเลือกคู่ที่นับถือศาสนาต่างกันจึงจำเป็นต้องพยายามปรับตัวเข้าหากัน และไม่ควรนำประเด็นทางศาสนามาเป็นข้อโต้แย้งว่าศาสนาของงใครดีกว่าของใคร เพราะปัญหานี้ไม่มีข้อสรุปและอาจนำไปสู่ความแตกแยกในชีวิตสมรสได้ง่าย
3. การศึกษา การที่คู่สมรสมีระดับการศึกษาสูงหรือจบปริญญา แม้จะไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จของชีวิตสมรสได้อย่างแน่นอนก็จริงอยู่ แต่จากตัวอย่างชีวิตสมรสจำนวนมากได้ชี้ให้เห็นว่า คนที่มีการศึกษาสูงมีแนวโน้มในการประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่าคนที่มีการศึกษาต่ำ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าการศึกษาช่วยทำให้บุคคลเจริญงอกงามทั้งทางร่างกาย จิตใจอารมณ์ สังคมและสติปัญญา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชีวิตสมรสหรือชีวิตครอบครัวเป็นอย่างมากและจากการศึกษาวิจัยโดยทั่วไปมักพบว่า คู่สมรสที่มีสติปัญญาและระดับการศึกษาใกล้เคียงกันมักจะมีโอกาสประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิตสมรสมากกว่าคู่สมรสที่มีระดับการศึกษาต่างกันมาก เพราะระดับการศึกษาที่ใกล้เคียงกันจะช่วยทำให้คู่สมรสพูดจากันรู้เรื่องและเข้าใจกันได้ง่าย แต่หากคู่สมรสมีระดับการศึกษาต่างกัน ฝ่ายชายควรจะเป็นฝ่ายที่มีการศึกษาสูงกว่า ถ้าฝ่ายหญิงมีการศึกษาสูงกว่าฝ่ายชายมาก อาจทำให้เกิดปัญหาในการปรับตัวของฝ่ายชายได้
4. ฐานะทางเศรษฐกิจ ความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจหรือฐานะการเงินนับเป็นข้อที่ควรพิจารณาอีกประการหนึ่งในการเลือกคู่ เพราะถ้าคู่สมรสมีฐานะทางการเงินไม่ดีการหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ในขณะที่ครอบครัวต้องขยายตัวออกไป สมาชิกใหม่ในครอบครัวก็จะต้องเพิ่มขึ้น อาจมีผลกระทบให้เกิดปัญหาชีวิตครอบครัวได้ เว้นเสียแต่คู่สมรสนั้นจะต้องทำงานหนักเพื่อเพิ่มพูนรายได้และรู้จักประหยัดในการใช้จ่าย จึงจะทำให้ชีวิตดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
5. บุคลิกภาพ คนเรามีบุคลิกภาพไม่เหมือนกัน บุคลิกลักษณะที่เป็นเสน่ห์อยู่ในตัวบุคคลก็แตกต่างกันออกไปด้วย เช่นขนาดของร่างกาย รูปร่าง หน้าตา กิริยาท่าทาง ท่วงทีวาจาอุปนิสัยใจคอ ความสนใจ ค่านิยม รสนิยม อุดมคติ ความประพฤติ ฯลฯ ลักษณะต่างๆ เหล่านี้ เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างพันธุกรรม และประสบการณ์ทั้งหมดของแต่ละบุคคลเมื่อคนเราจะเลือกคู่ครองจึงจำเป็นจะต้องพิจารณาบุคลิกภาพ บุคลิกลักษณะของผู้ที่จะมาเป็นคู่ครอง หรือคู่ชีวิตของตนเองในอนาคตด้วยว่าบุคลิกภาพและบุคลิกลักษณะดังกล่าว เหมาะสมกับตนหรือไม่ ตนพอใจยอมรับที่จะอยู่ร่วมกันในชีวิตสมรสหรือไม่ ดังนั้นการศึกษาเรื่องบุคลิกภาพของคู่ครองก่อนแต่งงานจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และชีวิตสมรสที่มีความสุขจะต้อง ประกอบด้วยบุคลิกภาพของชายและหญิงที่เข้ากันได้ และจะต้องทราบอุปนิสัยใจคอต่างๆ ของคู่สมรสก่อนแต่งงาน แม้ว่าบุคลิกภาพของคนเราจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าคู่สมรสฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของอีกฝ่ายหนึ่งภายหลังการแต่งงานกันแล้ว ก็อาจจะเสี่ยงต่อความผิดหวังในชีวิตสมรสได้ ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ
6. วุฒิภาวะทางอารมณ์ การที่ร่างกายของชายและหญิงเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่และพร้อมที่จะให้กำเนิดบุตรได้ มิได้หมายความว่า บุคคลผู้นั้นพร้อมที่จะแต่งงาน หรือมีครอบครัวได้ การแต่งงานหรือการสมรสจำเป็นต้องอาศัยความเจริญเติบโตของจิตใจ หรือความมีวุฒิภาวะทางอารมณ์เป็นหลักสำคัญประกอบด้วย เพราะผู้ที่บรรลุวุฒิภาวะทางอารมณ์ย่อมเป็นผู้ที่สามารถปรับตัวให้มีความสุขกับครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ความสามารถในการปรับตัวนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับชีวิตสมรสที่ประสบความสำเร็จ
บุคคลที่มีวุฒิภาวะอารมณ์ อาจสังเกตได้จากพฤติกรรมเหล่านี้
- เป็นผู้ที่รู้จักและเข้าใจตนเองได้ดี
- เป็นผู้รู้จักและเข้าใจผู้อื่นได้ดี
- เป็นผู้ที่สามารถเผชิญกับความจริงแห่งชีวิตได้ดี
- ตัดสินใจได้เอง เมื่อทำผิดก็ยอมรับผิด
- มองอนาคตด้วยความหวัง และเต็มใจรอคอย
- เข้าใจและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล
- มีจิตใจมั่นคง และไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ได้ง่าย
- มีอารมณ์ขัน และมองโลกในแง่ดี
- ยอมรับกติกาหรือกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคม
- มีความสุขุมรอบคอบ รู้จักเหตุผล และรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว
- รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบสูง
- สามารถประเมินผลการกระทำของตนเองได้
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อวุฒิภาวะทางอารมณ์ของบุคคลได้แก่ อายุ ผู้ที่มีอายุมากจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์มั่นคงกว่าผู้ที่มีอายุน้อย และจากการศึกษาพบว่า อายุที่เหมาะสมกับการมีคู่ครองนั้นผู้ชายควรจะมีอายุระหว่าง 27-30 ปี ผู้หญิงควรมีอายุระหว่าง 21-25 ปี และไม่ควรแตกต่างกันเกิน 10 ปี เพราะความต่างวัยจะทำให้คู่สมรสปรับตัวเข้าหากันได้ยาก เนื่องจากความต้องการและความสนใจในกิจกรรมต่างๆ แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อขัดแย้งในชีวิตสมรสได้
7. สุขภาพ สุขภาพย่อมมีความสำคัญต่อบุคคล ผู้ที่มีสุขภาพดีนับว่าเป็นลาภอันประเสริฐ ดังพุทธภาษิตที่กล่าวว่า “อโรคยา ปรมาลาภา” สุขภาพเปรียบเหมือนวิถีทางหรือหนทางที่จะนำบุคคลไปสู่ความสุข และความสำเร็จต่างๆ ในชีวิตการทำงานและชีวิตการสมรส ดังนั้นผู้ ที่เราจะเลือกเป็นคู่ครองควรเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ก่อนการแต่งงานจึงควรให้แพทย์ตรวจสุขภาพของชายและหญิงว่ามีโรคใดบ้างที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อชีวิตการสมรส เช่น การตรวจหมู่เลือด หรือการผิดปกติเกี่ยวกับเลือด และโรคที่สามารถถ่ายถอดทางพันธุกรรม และหากพบว่ามีโรคภัยไข้เจ็บก็ควรได้รับการรักษาให้หายเสียก่อน
การเลือกคู่ครองที่ดี
พื้นฐานอันมั่นคงที่จะทำให้อยู่ครองเรือนอยู่กันได้ยืดยาวเรียกว่าสมชีวิธรรมมี ๔ ประการคือ
1. สมศรัทธา มีศรัทธาเสมอกันหนักแน่เสมอกันปรับตัวเข้าหากันลงได้
2. สมสีลา มีศีลเสมอกัน คือความประพฤติจรรยา มารยาท พื้นฐานการสอดคล้องกันไปได้
3. สมจาคา มีจาคเสมอกัน ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี มีใจกว้างพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
4. สมปัญญา ปัญญาสมกัน รู้เหตุรู้ผลเข้าใจกันอย่างน้อยพูดกันรู้เรื่อง
การวางแผนครอบครัว
การวางแผนครอบครัว
การวางแผนครอบครัว หมายถึง การตั้งเป้าหมายเพื่อให้ครอบครัวมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การเลือกคู่ครอง ความพร้อมด้านที่อยู่อาศัยและอาชีพ การแต่งงาน การวางแผนที่จะมีบุตร การเว้นช่วงระยะห่างของการมีบุตรที่เหมาะสม การเป็นพ่อแม่ที่ดีเพื่อเลี้ยงดูบุตรให้เป็นคนดี มีคุณภาพและมี
ความสุข มีผลเพื่อให้เกิดความสุข ความเหมาะสมทางสังคม เศรษฐกิจ แก่ตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ การวางแผนครอบครัวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำพาครอบครัวให้มีความสุขและเป็นแหล่งสร้างคนที่มีคุณภาพของสังคมและประเทศชาติ เปิดโอกาสให้สามี–ภรรยาได้พัฒนาตนเองอย่างเท่าเทียมกัน โดยการจัดสรรเวลาที่เหมาะสมในการทำงานและการแสวงหาความรู้ได้ทั้งสองฝ่าย
องค์ประกอบของการวางแผนครอบครัว
1. การเลือกคู่ครอง เป็นการที่จะเริ่มต้นของการที่จะมีครอบครัวที่ดีการเลือกคู่ครองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากก็ว่าได้ เพราะการเลือกคู่ครองของคนสมัยนี้จะเลือกตามอารมณ์และความรู้สึกกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่นึกถึงความเป็นจริง การเลือกคู่ครองที่ถูกต้องนั้น เริ่มแรกคือใจต้องรักกันก่อน จากนั้นต้องมีการวางเป้าหมายในชีวิตร่วมกันต่อไป
2. การเตรียมความพร้อมด้านที่อยู่อาศัย และอาชีพ ที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ฉะนั้นจะต้องตกลงกันตั้งแต่ก่อนแต่งงานเช่น แยกมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง หรืออยู่กับครอบครัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุผล และความจำเป็นของทั้งสองฝ่าย สำหรับอาชีพควรมีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้แน่นอน และเพียงพอที่จะดูแลครอบครัวได้
3. การแต่งงาน เป็นประเพณีที่แสดงถึงการประกาศให้สังคมรับรู้ถึงการตกลงใจในการใช้ชีวิตร่วมกันของชายหญิง ซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น และการจดทะเบียนสมรสเพื่อสิทธิตามกฎหมายของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม พิธีแต่งงานควรเป็นไปตามฐานะของคู่บ่าวสาวและไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
4. การปรับตัวเข้าหากัน การที่คนสองคนซึ่งแตกต่างกันในที่มา นิสัยใจคอจะตกลงมาใช้ชีวิต อยู่ร่วมกันได้นั้น การปรับตัวเป็นเรื่อง สำคัญอย่างยิ่ง การที่คู่รักรู้จัก "การเสียสละ" จะช่วยพัฒนาความรักที่มีต่อกันให้ยืนยาวตลอดไป
5. การเงิน คู่บ่าวสาวจำเป็นต้องนำเงินเดือนของเราทั้งสองคนมารวมกันก่อนเพื่อให้รู้รายรับที่แน่นอนของครอบครัว จากนั้น ให้เขียนถึงรายจ่ายของครอบครัวในหนึ่งเดือน และควรทำตารางรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน
6. การวางแผนมีบุตร และการเว้นช่วงการมีบุตร คือการเตรียมความพร้อมสำหรับมีบุตรว่าเมื่อแต่งงานกันแล้วต้องการจะมีบุตรกี่คน และเว้นระยะห่างกันนานแค่ไหน เลือกวิธีอะไรจึงจะมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการคุมกำเนิด การวางแผนการเงิน และการวางอนาคตบุตร ตลอดจนการเว้นช่วงการมีบุตร เพื่อให้ผู้เป็นแม่ได้พื้นฟูสุขภาพร่างกาย ก่อนการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป ที่สำคัญก็คือไม่ควรมีบุตรเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือถี่เกินไป จะทำให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น แก่ลูกได้อย่างทั่วถึง
7. การเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ที่ดี เพื่อให้บุตรเติบโตมาเป็นคนดี มีคุณภาพ และมีความสุข ผู้ที่เป็นพ่อแม่จะต้องต้องเตรียมตัวที่จะปฏิบัติตนเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับบุตรโดยประพฤติอยู่ในศีลธรรมอันดี มีหลักการในการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงและการอบรมแก้ไขบุตรให้ดีต่อไปในอนาคต





.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)

.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น